อัพเดทล่าสุด: 6 ก.ค. 2023
548 ผู้เข้าชม
1. ชั่งน้ำหนักให้ถูกวิธีก่อน หลายท่านอาจชั่งน้ำหนักไม่ถูกวิธี เช่น ชั่งทั้งตอนเช้า กลางวัน เย็น ทำให้น้ำหนักที่ได้ไม่ใช่น้ำหนักที่แท้จริง
2. ดูว่าน้ำหนักที่ค้างนี้เป็นเพราะสาเหตุเหล่านี้หรือไม่
- น้ำหนักถึงเกณฑ์แล้ว โดยเกณฑ์คือ 10% ตอนครบ 1 เดือน, 20% ตอนครบ 3 เดือน, 30% ตอนครบ 6 เดือน
- มีประจำเดือน หากคำตอบคือใช่ ไม่ว่าจะเป็นเพราะน้ำหนักถึงเกณฑ์ หรือเพราะมีประจำเดือน อันนี้ก็ไม่ต้องเครียดหรือกังวล เพราะถ้าน้ำหนักลงถึงเกณฑ์แล้ว น้ำหนักจะนิ่งไปซักพัก เพราะพอน้ำหนักลงไปเยอะ ร่างกายจะลดการเผาผลาญคล้ายๆ อยู่ในสภาพจำศีล ต้องลดการใช้พลังงาน เพราะร่างกายกลัวจะอดตาย แนะนำให้รับประทานอาหารตามคำแนะนำต่อไป อีกซักพักน้ำหนักจะลงต่อค่ะ ไม่ต้องกังวลเลยนะคะ
3. ถ้าสัดส่วนลง แต่น้ำหนักไม่ลง
- จริงๆ แล้วเราลดน้ำหนักเพื่อลดปริมาณไขมันในร่างกายค่ะ การที่สัดส่วนลดลง ก็สามารถบอกได้ว่าไขมันเรากำลังลดลงไปเช่นกัน เพื่อนๆ ไม่ต้องเครียดนะคะ
- หรือบางท่านอาจดู %ไขมันในร่างกายจากเครื่องชั่งน้ำหนักได้นะคะ หาก %ไขมันลด แต่น้ำหนักคงที่ ก็ถือว่าการลดน้ำหนักนี้ได้ผลอยู่ค่ะ
4. น้ำหนักค้างจริงๆ คือดูข้อ 1-3 ที่หมอได้เล่าไปแล้ว แต่ไม่ได้เข้าซักข้อ
- หมอขอแนะนำให้กลับไปสำรวจอาหารและเครื่องดื่มที่รับประทานเข้าไปว่ามีอะไรที่อยู่ในกลุ่มของข้าว แป้ง น้ำตาล น้ำหวาน ของทอด ของมัน หรืออาหารแปรรูปบ้างหรือเปล่า
- ถ้าคำตอบคือมี แล้วคิดว่ายังอยากลดน้ำหนักต่อ หมอขอแนะนำให้งดอาหารเหล่านี้ไปก่อนค่ะ
- อาหารหรือเครื่องดื่มบางอย่างที่เราคิดว่าไม่น่าจะมีผลกับน้ำหนัก แต่กลับทำให้เราน้ำหนักไม่ลงมีดังนี้ค่ะ
- ลูกชิ้น ไส้กรอก ฮอทดอก แฮม : ไม่แนะนำเพราะเป็นอาหารที่ผ่านการแปรรูป
- เครื่องดื่มที่บอกว่าน้ำตาลน้อย หรือ 0% หรือมีสารให้ความหวานต่างๆ : ไม่แนะนำเพราะความหวานจะทำให้สมองมีความอยากอาหารอื่นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ
- ผลไม้ต่างๆ : ไม่แนะนำเพราะในผลไม้ทุกอย่างจะมีน้ำตาลจากธรรมชาติแฝงมาด้วยอยู่แล้ว แต่ว่ามากน้อยต่างกันไป
5. หากทำตามข้อ 4 แล้ว คือคุมอาหารและเครื่องดื่มแบบสุดๆ แล้ว แต่น้ำหนักยังค้างอยู่ ขอแนะนำวิธีดังนี้ค่ะ
- เพิ่มจำนวนมื้ออาหารต่อวัน เช่น เพิ่มมาอีก 1 มื้อ โดยเป็นอาหารหรือของว่างในกลุ่มโปรตีนนะคะ
- เพิ่มความหนักของการออกกำลังกาย
- ถ้าเดิมออกกำลังกายอยู่แล้ว ก็ต้องดูว่าออกกำลังกายแล้วเหนื่อยมั้ย ถ้าไม่ค่อยเหนื่อยแล้ว ก็ต้องเพิ่มให้หนักมากขึ้น
- ถ้าไม่เคยออกกำลังกายเลย ก็ต้องหันมาออกกำลังกายเพิ่ม
- ถ้าคิดว่าออกกำลังกายหนักมากอยู่แล้วทุกวัน แนะนำให้หยุดก่อน 2-3 วัน แล้วกลับมาออกกำลังกายใหม่ค่ะ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน และเข้านอนก่อน 5 ทุ่มฃ
หากท่านไหนที่ทำดังนี้แล้ว น้ำหยักยังค้างอยู่ สามารถทักมาปรึกษาหมอได้เลยนะคะ